ID: -

02-881-1888
ระบบ ANC Buddy

เช็คเบี้ยประกันชีวิต

ปี
บาท
แผนประกันชีวิต
คุ้มครองชีวิต

เน้นคุ้มครองสูง

หมดห่วงคนข้างหลัง

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท

สะสมทรัพย์

เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยได้

ไม่เสี่ยงเงินหาย

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท

ชดเชยรายได้

เบี้ยน้อย คุ้มครองสูง

ได้ค่าชดเชยระหว่างรักษา

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท

บำนาญ

มีเงินใช้ยามเกษียณ

วางแผนเผื่ออนาคต

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 200,000 บาท

โรคร้ายแรง

คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

ป้องกันความเสี่ยง

ลดหย่อนภาษีสูงสุด 25,000 บาท

คำถามที่พบบ่อย
กรมธรรม์ประกันชีวิต แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
  1. ประเภทสามัญ
    เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท และมีการชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่บริษัทฯ นำเสนอออกสู่ตลาด จะเป็นกรมธรรม์ประเภทสามัญ
  2. ประเภทอุตสาหกรรม
    เป็นการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ โดยทั่วไปตั้งแต่ 10,000 - 30,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ การชำระเบี้ยประกันภัยจะชำระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะนั้นจึงมีระยะเวลารอคอย คือ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชำระมาแล้วทั้งหมด ปัจจุบันบริษัทฯ ไม่เปิดขายกรมธรรม์ประเภทนี้แล้ว แต่ยังคงมีผู้เอาประกันภัยที่บริษัทฯ ยังคงมอบความคุ้มครองตามสัญญาให้อยู่จำนวนหนึ่ง
  3. ประเภทกลุ่ม
    เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะต่ำกว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม องค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจทำประกันกลุ่ม สามารถติดต่อที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โดยแจ้งชื่อหน่วยงานของท่าน และชื่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องการให้ติดต่อกลับ เพื่อฝ่ายประกันกลุ่มจะได้ติดต่อกลับไปหาท่านต่อไป
กรมธรรม์ประกันชีวิตมีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป แต่แบบการประกันชีวิตพื้นฐานมีอยู่ 4 แบบคือ
  1. แบบตลอดชีพ
    เป็นการประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเมื่อใดในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์ วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับจุนเจือ บุคคลที่อยู่ในความอุปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายและค่าทำศพ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระของคนอื่น
  2. แบบสะสมทรัพย์ หรือออมทรัพย์
    เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกัน ภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิต และการออมทรัพย์ ส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอาประกันภัยได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกำหนด
  3. แบบชั่วระยะเวลา
    เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอา ประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครอง การเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าแบบอื่น ๆ และไม่มีเงินเหลือคืนให้หากผู้เอาประกันภัยอยู่จนครบกำหนดสัญญา
  4. แบบเงินได้ประจำ หรือแบบบำนาญ
    เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัยเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอา ประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ
ในกรมธรรม์ประกันชีวิต จะแบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 ส่วน
  • ส่วนที่ 1
    เป็นความคุ้มครองหลัก หรือสัญญาหลัก ซึ่งก็คือความคุ้มครองการเสียชีวิตในทุกกรณี กรมธรรม์ประกันชีวิตจะต้องมีความคุ้มครองส่วนนี้เป็นพื้นฐาน จะระบุระยะเวลาที่ให้ความคุ้มครอง และระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย ให้ทราบอย่างชัดเจน
  • ส่วนที่ 2
    เป็นความคุ้มครองที่เพิ่มเติม หรือสัญญาเพิ่มเติม ซึ่งก็คือ ความคุ้มครองส่วนที่เพิ่มเติมจากการเสียชีวิต ได้แก่ ความคุ้มครองกรณีประสบอุบัติเหตุ ความคุ้มครองกรณีต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ความคุ้มครองกรณีโรคร้ายแรง ความคุ้มครองผู้ชำระเบี้ยฯ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยความคุ้มครองส่วนนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาปีต่อปี ผู้เอาประกันภัยสามารถขอยกเลิก หรือขอซื้อเพิ่มภายหลัง ระหว่างที่สัญญาหลักยังคงให้ชำระเบี้ยฯ หรือมีความคุ้มครองอยู่ ภายใต้ระเบียบและกฏเกณฑ์ของบริษัทฯ โดยทั่วไปแล้วตัวแทนประกันชีวิต จะแนะนำให้ซื้อความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมนี้ พร้อมกับสัญญาประกันชีวิตหลัก เนื่องจากการซื้อเพิ่มในภายหลัง จะมีความยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเอง
ความคุ้มครองทั้ง 2 ส่วน ตัวแทนประกันชีวิต จะมีการพุดคุยกับลูกค้า เพื่อจัดแผนความคุ้มครองให้ตรงกับความต้องการ ควบคู่ไปกับการวางแผนทางเงินให้กับท่าน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการถือกรมธรรม์ประกันชีวิต
เป็นสิทธิในการขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ นับจากวันที่ผู้เอาประกันภัยได้รับเล่มกรมธรรม์ โดยจะได้รับเบี้ยประกันภัยคืนหลังจากหักค่าใช้จ่ายของบริษัทฉบับละ 500 บาท และหักค่าตรวจสุขภาพตามที่จ่ายจริง (ถ้ามี) เว้นแต่เป็นการเสนอขายกรมธรรม์โดยใช้วิธีการทางอเล็กทรอนิกส์ บริษัทฯ จะคืนเบี้ยฯ เต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากพ้นกำหนดที่จะใช้สิทธิ Free look period แล้ว คุณจะต้องขอยกเลิกกรมธรรม์ด้วยการเวนคืนกรมธรรม์แทน
เป็นทางเลือกในการหยุดชำระเบี้ยฯ โดยยังคงมีความคุ้มครองของสัญญาหลักอยู่ด้วยจำนวนเงินประกันภัยเท่าเดิม แต่ระยะเวลาอาจสั้นลง หรืออาจคุ้มครองจนถึงครบกำหนดสัญญา ขึ้นอยู่กับปีกรมธรรม์ที่ชำระเบี้ยฯ มา ในขณะที่สัญญาเพิ่มเติมฯ จะสิ้นสุดความคุ้มครอง กรมธรรม์ที่ดำเนินการได้บริษัทฯ จะต้องรับประกันในอัตราเบี้ยฯ มาตรฐาน ดำเนินการโดย

เอกสารที่ใช้
  1. คำร้องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกรมธรรม์
  2. กรมธรรม์ประกันชีวิต
  3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน(พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
หมายเหตุ : ต้องเป็นกรมธรรม์ที่บริษัทรับประกันในอัตราเบี้ยปกติ(Standard)
เป็นทางเลือกในการหยุดชำระเบี้ยฯ โดยยังคงมีความคุ้มครองของสัญญาหลักไปจนถึงครบกำหนดสัญญา ด้วยจำนวนเงินประกันภัยที่ลดลง หรืออาจเท่าเดิม ขึ้นอยู่กับปีกรมธรรม์ที่ชำระเบี้ยฯ มา ในขณะที่สัญญาเพิ่มเติมฯ จะสิ้นสุดความคุ้มครอง ดำเนินการโดย

เอกสารที่ใช้
  1. คำร้องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกรมธรรม์
  2. กรมธรรม์ประกันชีวิต
  3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน(พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
เมื่อท่านไม่ชำระเบี้ยประกันภัย ภายในระยะเวลาผ่อนผัน กรมธรรม์อาจสิ้นผลบังคับลง เมื่อกรมธรรม์สิ้นสุดผลบังคับ ท่านสามารถขอต่ออายุกรมธรรม์ให้กลับมามีผลบังคับตามเดิมได้ ภายใน 5 ปี โดยจะต้องแสดงผลตรวจสุขภาพ หรือประวัติสุขภาพของท่าน ประกอบการพิจารณาต่ออายุฯ โดยค่าใช้จ่ายของท่านเอง(ถ้ามี) โดยดำเนินการ ดังนี้

เอกสารที่ใช้
  1. หนังสือรับรองสุขภาพ
  2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน(พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
หมายเหตุ
แนะนำให้ติดต่อตัวแทนที่ให้บริการ หรือเจ้าหน้าที่บริษัทเพื่อขอทราบจำนวนเบี้ยประกันภัยที่จะชำระในการขอต่ออายุกรมธรรม์สัญญา และขอคำแนะนำอื่นๆกรมธรรม์ที่ต่ออายุฯ ได้ ต้องขาดอายุไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่กรมธรรม์ขาดอายุ
กรณีนี้ ท่านจะต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วนำมาเบิกกับบริษัทฯ ในภายหลัง โดยช่วงเวลาที่ท่านเข้ารับการรักษา กรมธรรม์จะต้องมีผลบังคับอยู่
ในระหว่างระยะเวลาผ่อนผันกรมธรรม์ประกันภัยยังคงมีผลบังคับ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย โดยท่านจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยก่อนเท่านั้น จึงจะสามารถใช้สิทธิผ่านโรงพยาบาลคู่สัญญาของบริษัทฯ ผ่านบริการ Fax Claim ในช่วงระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยนั้นได้ กรณีที่ท่านยังไม่ชำระเบี้ยฯ ท่าจะต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วมาเบิกกับบริษัทฯ ในภายหลัง
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 บริษัทฯมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและดำเนินการแสดงตน (KYC) สำหรับผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะกระทำเมื่อผู้รับผลประโยชน์ยื่นเอกสารโดยตรงกับพนักงานบริษัทฯ รวมถึงสาขาต่างๆ ด้วย
บทความประกันชีวิต