ข้อแตกต่างที่เราควรรู้ ความคุ้มครอง 2+ และ 3+

        ปัจจุบันการใช้รถยนต์ส่วนตัวในประเทศไทยค่อนข้างสูง สถิติข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก พบว่าการจดทะเบียนรถทั่วประเทศ ณ วันที่ 22 ก.พ. 2565  รถยนต์ในประเทศไทยมีมากถึง 42,518,215 คัน

        และบุคคลส่วนใหญ่ที่ใช้รถส่วนตัว ก็จะมีประกันรถยนต์กันอยู่แล้ว โดยบางทีพ่วงประกันชั้น 1 มากับการซื้อรถเลยทันที ซึ่งแน่นอนความคุ้มครองของประกันชั้น 1 รู้โดยทั่วกันจะให้คุ้มครองรอบด้าน

        วันนี้ ANC จึงรวบรวมข้อแตกต่างที่เราควรรู้ ระหว่างความคุ้มครองของ 2+ และ ความคุ้มครองของ 3+ ต่างกันอย่างไร

จากตารางที่แสดงให้เห็นความคุ้มครองระหว่างประเภท 2+ และ ประเภท 3+ จะมีความคุ้มครองที่คล้ายกันมาก

ไม่ว่าจะเป็นคุ้มครองรถยนต์อายุไม่เกิน 15 ปี หรือ ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ที่เหมือนกัน 

ส่วนที่แตกต่างกันคือ ความคุ้มครอง รถหายหรือถูกขโมย ไฟไหม้ น้ำท่วม จะเป็นความคุ้มครองที่ประกันประเภท 3+ ไม่มี

แต่หากเลือกว่าความคุ้มครองประกันภัยประเภท 2+กับ 3+ ชั้นไหนดีกว่า 

ชั้นไหนเหมาะกับเรา ก็คงต้องดูพฤติกรรมการใช้รถผู้ขับขี่ ความต้องการและความคุ้มครองที่เราอยากได้เท่านั้นเอง

 

แยกข้อแตกต่างให้เห็นได้ชัดเจนระหว่าง ประกัน 2+ กับ 3+ 

1. ราคาประกันรถยนต์ 2+ กับ ประกันรถยนต์ 3+ มีราคาที่ใกล้เคียงกันในบางกรมธรรม์

2. ประกันชั้น 2+ กับ 3+ ให้ความคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุจากรถชนรถเท่านั้น 

3. ประกันรถยนต์ 2+ ให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถในกรณี สูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
แต่ประกันรถยนต์ 3+ ไม่ได้คุ้มครองในส่วนนี้

4. ประกันรถยนต์ 3+ ไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนที่จะทำประกัน

 

เทคนิคการเลือกประกันรถยนต์ให้ตอบโจทย์ตามการใช้งานของผู้ขับขี่

1. ประเมินอายุรถยนต์ของตัวเอง หากไม่เกิน 15 ปี สามารถเลือกทำประกันรถชั้น 2+ หรือ 3+ ได้แน่นอน

2. สังเกตพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง
หากคุณมีความชำนาญในการขับขี่รถยนต์ หรือจอดอยู่บ้าน มากกว่าขับไปนอกบ้าน ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นตัวเลือกค่อนข้างที่เหมาะสม

แต่หากส่วนใหญ่คุณจอดในพื้นที่เสี่ยงหาย โจรกรรม หรือขับรถไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ ประกันรถชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากคุ้มครองรถหาย หรือคุ้มครองรถคุณในขณะเดินทางไปพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดภัยธรรมชาติ  จะตอบโจทย์กว่า

3. พิจารณาการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก
หากคุณมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายของความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 2+
หรือเลือกทำประกันรถชั้น 2+  คุณควรพิจารณาการจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกด้วย เนื่องจากการเลือกจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกจะทำให้คุณลดค่าเบี้ยประกันต่อเดือนให้ถูกลง

        แต่ถ้าต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันและไม่ได้รู้สึกว่ารถยนต์ของเราจะเสี่ยงเจออุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ, สูญหาย หรือไฟไหม้ ANC ของแนะนำ ซื้อประกันรถยนต์ 3+ จะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ผู้ขับขี่มากกว่า

ทั้งนี้แน่นอนการเลือกซื้อประกันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันเอง

Comments are closed.