Excess กับ Deductible คืออะไร ต่างกันอย่างไร…ทำประกันชั้น 1 แล้วทำไมยังต้องเสียค่า “excess” ด้วย! ทำไมเจ้าของรถที่ทำประกันรถส่วนใหญ่มักโวยวาย และ ไม่เข้าใจ เมื่อถูกบริษัทประกันเรียกเก็บ “ค่า excess” วันนี้ ANC จะมาอธิบายว่า ค่า excess คืออะไร ทำไมต้องเรียกเก็บ (ในบางกรณี) แล้วค่าใช้จ่ายนี้ต่างกับ “ค่า deductible” อย่างไร?

Excess กับ Deductible คืออะไร

ก่อนอื่น ANC จะขออธิบายคีเวิร์ดสั้นๆ เพื่อให้ทุกคนทำความรู้จักกันไปพร้อมๆกัน ก่อนไปทำความรู้จักกับความหมายของค่าต่างๆกันค่ะ
1. ค่า excess = ค่าเสียหายส่วนแรก “ภาคบังคับ”
2. ค่า deductible = ค่าเสียหายส่วนแรก “ภาคสมัครใจ”
3. ค่า deductible คือค่าใช้จ่ายที่คุณยอมเสีย “แบบสมัครใจ” ทุกครั้งที่มีการเคลมในอุบัติเหตุ “ที่คุณเป็นฝ่ายผิด”

 

ค่า “excess” คืออะไร

ค่า excess มีชื่อเต็มว่า “ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ” นั่นก็คือ เป็นค่าใช้จ่ายที่ “บังคับเก็บ” ไม่ว่าคุณจะทำประกันชั้นไหน (แม้จะเป็นประกันชั้น 1 ก็ไม่ยกเว้น!) หรือบริษัทใดก็ตาม โดยจะเรียกเก็บในการแจ้งเคลมบางกรณีที่ทำให้สงสัยได้ว่า คุณแจ้งเคลมโดยที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริงเพื่อหวังซ่อมรถฟรี โดยกรณีที่เข้าข่ายโดนเก็บค่า excess คือ

    1. จากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ หรือ
    2. ชนแต่ไม่สามารถหาคู่กรณีได้

 

ทำไมต้องเก็บค่า excess ด้วย

เพราะบริษัทประกันกลัวคุณแจ้งเคลมทั้งที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง เพื่อมีเจตนาในการซ่อมรถฟรี เช่น อยากทำสีรถใหม่ ก็เอาคัตเตอร์กรีดรถให้เป็นรอยแล้วโทรเรียกประกัน เพราะรู้ว่ายังไงประกันก็จ่าย

 

กรณีไหนเสียหรือไม่เสียค่า excess บ้าง

ทำความเข้าใจ "Excess" และ "Deductible" ในประกันรถยนต์ ความแตกต่างระหว่างค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับและภาคสมัครใจ พร้อมเหตุผลที่ต้องจ่ายค่า Excess แม้ทำประกันชั้น 1

ต้องเสียค่า excess เท่าไหร่

ค่า excess เรียกเก็บครั้งละ 1,000 บาทต่อ “เหตุการณ์” เช่น หากคุณโชคร้าย ก้อนหินตกใส่รถและล้อรถเหยียบตะปูในคราวเดียวกัน นับเป็น 2 เหตุการณ์ (เหตุการณ์ที่ 1 ก้อนหินตกใส่, เหตุการณ์ที่ 2 รถเหยียบตะปู) คุณต้องเสียค่า excess 1,000 x 2 = 2,000 บาท

ต่อมา มารู้จักค่า deductible กันต่อดีกว่าค่ะ คนส่วนใหญ่มักสับสนค่า Excess กับ Deductible คืออะไร กันแน่

จากที่เคยแจ้งไปเมื่อข้างต้นว่า “ค่า deductible” คือค่าใช้จ่ายที่คุณยอมเสีย “แบบสมัครใจ” ทุกครั้งที่มีการเคลมในอุบัติเหตุ “ที่คุณเป็นฝ่ายผิด”

ถ้าคุณยอมจ่ายค่า deductible คุณก็จะประหยัดค่าประกันรถไปได้ตามจำนวนค่า deductible ที่คุณระบุไว้
เช่น เบี้ยประกัน 10,000 บาท คุณระบุว่า สมัครใจจ่ายค่า deductible 2,000 บาททุกครั้งที่มีการเคลมโดยที่คุณเป็นฝ่ายผิด คุณก็จะประหยัดค่าประกันไปได้เลย 2,000 บาท ทำให้เสียค่าเบี้ยประกันแค่ 10,000 – 2,000 = 8,000 บาท

แต่ค่า Deductible นี้ไม่ได้มีทุกบริษัท หากคุณสนใจในเงื่อนไขนี้แนะนำให้สอบถามข้อมูลจากบริษัทประกันภัยให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจค่ะ

แล้วหาก จ่าย หรือ ไม่จ่าย แบบไหนคุ้มกว่ากันหล่ะ?

เมื่อทราบกันแล้วว่าค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible คืออะไร ก็มาถึงคำถามที่ว่าเลือก จ่าย หรือ ไม่จ่าย แบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน? ซึ่งคำตอบก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีความเชี่ยวชาญในการขับรถมากแค่ไหน

หากคุณเป็น ผู้ชำนาญในการขับรถ และมั่นใจว่าการขับของคุณปลอดภัย ไม่ไปเฉี่ยวหรือชนเข้ากับอะไรง่ายๆ แน่นอน ก็ควรเลือกที่จะจ่ายค่า Deductible นี้ เพราะจะช่วยให้คุณประหยัดเบี้ยประกันในแต่ละปีไปได้มาก และแม้จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเช่นเดียวกัน

แต่ถ้าหากคุณ ไม่ชำนาญในการขับรถ หรือยังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่ และคิดว่ารถของคุณมีโอกาสที่จะชนนู่นชนนี่บ่อยครั้ง แนะนำว่าให้คุณเลือกไม่จ่ายค่า Deductible จะดีที่สุด มิฉะนั้นค่าเบี้ยประกันที่ลดลงมา อาจไม่คุ้มกับค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณต้องจ่ายในทุกๆ ครั้ง

อยากรู้เรื่องประกัน ไม่ว่าจะประกันรถยนต์ หรือประกันประเภทอื่นๆ ให้ ANC  ดูแล

หรือ ดูแผนประกัน ANC >> prakun.com

Write A Comment